สวัสดีครับน้อง ๆ วันนี้ครูมีเรื่องจะมาบอก คือไม่ได้มีอะไรมาเล่ามาก แต่อย่างที่น้อง ๆ หลายคนคงทราบจากสื่อมวลชนต่าง ๆ ตอนนี้ประเทศเฮติ ซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มละตินอเมริกา ในแถบทะเลแคริเบี้ยน ได้ประสบกับวิบัติภัยแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมานี้เอง ประเทศเฮติเป็นประเทศที่ยากจนมาก ตอนนี้มีผู้ประสบภัยหลายแสนคน และมีการประเมินจำนวนยอดผู้เสียชีวิตเอาไว้เกือบถึงสองแสนคน นานาประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย ตอนนี้ต่างก็ระดมกำลังกันเข้าให้ความช่วยเหลือ ทั้งด้านการเงินบ้าง การแพทย์บ้าง การบรรเทาสาธารณภัยบ้าง ครูก็เพิ่งบริจาคเงินไปช่วยเหลือครับ ก็อยากให้น้อง ๆ ลองไปอ่านข้อมูลตามลิงค์ที่ครูให้ไว้แล้วกันครับ มีเป็นลิงค์ของ สภากาชาด (Red Cross) ลิงค์ของ สหประชาชาติ (United Nations) ลิงค์ของ กองทุน Clinton-Bush Haiti Fund และก็บล็อกข่าวสารที่เป็นภาษาอังกฤษในต่างประเทศ อย่างเช่น หนังสือพิมพ์ The Guardian ของอังกฤษ หรือ หนังสือพิมพ์ The Boston Globe ของอเมริกา
ใครช่วยได้มีกำลังเท่าไหนก็ช่วยกันไป ใครไม่มีกำลังเงิน จะเข้าไปตามบล็อกภาษาอังกฤษที่ครูทำลิงค์ไว้ให้ และเข้าไปส่งกำลังใจผ่านลิงค์ให้กับเพื่อนร่วมโลกชาวเฮติด้วยก็ได้ครับ ถือว่าเป็นการฝึกอ่าน ฝึกเขียนภาษาไปในตัวด้วยนะครับ เจอกันโพสต์หน้าครับ
Take care,
ครูเอง
This is where you can be curious. This is where you can wonder. This is where you can let your imagination go, along with learning something new. English, science, study abroad. Ask away.
About Me

- Kru Dr. Gan
- ใครคือ Kru Dr. Gan: ครูคนหนึ่งที่รักการสอนหนังสือ Kru Dr. Gan อยู่ที่ไหน: ไป ๆ มา ๆ ระหว่างเมืองไทยกับสหรัฐอเมริกา Kru Dr. Gan สอนวิชาอะไรบ้าง: ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม Kru Dr. Gan สอนใครบ้าง: น้อง ๆ มัธยมไปจนถึงนักศึกษาปริญญาเอก Kru Dr. Gan ทำอะไรอีกนอกจากสอน: ทำวิจัย เขียนบทความ ฯลฯ
Sunday, January 24, 2010
ภาษาอังกฤษในชีวิตจริง ๆ: ฝรั่งก็พูดผิดเป็นนะเออ
หวัดดีครับน้อง ๆ
วันนี้ครูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง พอดีเมื่อวันก่อนนี้ ครูเปิดสถานีวิทยุฟังรายการเพลงเพลิน ๆ ฟัง ๆ ไปก็มีอะไรมาสะดุดหู แล้วทำให้นึกขึ้นได้ว่า เออ ... มาเล่านี้น้อง ๆ ที่อยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง ๆ ฟังดีกว่า เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ครูฟังรายการเพลงของสถานี 97.1 AMP Radio ที่จัดโดยคุณ Cason Daly (ดูรูปประกอบนะครับ)

น้อง ๆ บางคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ MTV อาจจะเคยได้ยินชื่อ Carson Daly แต่บางคนอาจจะไม่เคยได้ยิน เอาสั้น ๆ นะ นาย Carson Daly เนี่ยก็เป็น DJ/VJ เคยจัดรายการทางช่อง MTV แล้วเขาก็ยังเป็นผู้ดำเนินรายการ หรือที่ภาษาอังกฤษเขาใช้กันว่า talk show host โดยรายการนี้มีชื่อว่า Last Call with Carson Daly ทางโทรทัศน์ช่อง NBC ด้วย
ตอนนี้นาย Carson ก็มาทำหน้าที่ DJ จัดรายการวิทยุตอนเช้า ๆ ประมาณ 6 โมงถึง 10 โมงเช้า ที่สถานีวิทยุ AMP Radio นี้ ช่วงนี้ทางรายการก็มีการเล่นเกมส์ตอบคำถามชิงรางวัล ให้นักฟังเพลงโทรเข้ามาตอบกัน จริงบ้าง เล่นบ้าง ถ้าใครตอบคำถามถูก ก็จะได้รับรางวัลเป็น iPod Nano ที่ได้รับการจารึกลายเซ็น (autographed) จากนักร้องที่ชื่อ Ke$ha ด้วย (เอ้าเอารูปประกอบไป) คนที่ร้องในอัลบั้มของ Flo Rida ในเพลง Right Round อ่ะ แล้วตอนนี้ก็มีเพลงที่เพิ่งออกเมื่อปีที่แล้วที่ชื่อ Tik Tok ไง น้อง ๆ ได้ฟังกันหรือยัง (ครูฟังจนเบื่อกับทางสถานีวิทยุที่นี่แล้ว ก็เล่นเปิดกันซะ)

กลับมาเข้าเรื่องต่อ คือคำถามที่ครูฟังวันนั้น ถามว่า When was the first iPod released? How many gigs does it have? Gigs ก็คือ กิ๊กกะไบต์ หรือ gigabytes (GB) ที่เป็นหน่วยการวัดแปลว่า พันล้านไบต์ หรือ สิบยกกำลังเก้า นั่นเอง
มาแปลคำถามกันก่อนสำหรับน้อง ๆ บางคนที่อาจจะยังงง ๆ กันอยู่ คำถามก็คือ iPod ตัวแรกที่ออกมาตีตลาดนั้น ออกมาเมื่อปีอะไร และมีขนาดความจุเท่าไร กี่ GB? น้อง ๆ รู้คำตอบหรือเปล่าครับ คำตอบก็คือปี 2001 กับ 5 GB ไง ใครตอบถูกบ้าง ตอบถูกเอารางวัล Ke$ha autographed iPod Nano ไปเลย (แต่ไปเอารางวัลกับคุณ Carson Daly นะ ครูไม่มีอ่ะ)
เท่าที่อ่านมายังไม่มีอะไรสะดุดหูใช่มะ ก็ครูยังไม่ได้เล่าเลย เรื่องที่สะดุดหูก็คือ มีผู้ฟังคนหนึ่งโทรเข้ามาตอบว่า 500 เม็กใช่ไหมคะ (เมกกะไบต์ ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กกว่า กิ๊กกะไบต์) คุณ Carson ก็บอกว่า ยังไม่ใช่ เอ้าลองทายอีกที คุณผู้ฟังก็ตอบว่า งั้นก็หนึ่งเมกก็แล้วกัน คุณ Carson ก็บอกไปว่า ยังไม่ใช่ เอางี้ละกัน ให้คุณผู้ฟังคนอื่นตอบบ้าง แล้วก็ใบ้ให้ด้วยนะว่า ความจุน่ะ “มากกว่าหนึ่งกิ๊กนะจ๊ะ” โดยคุณ Carson เขาพูดว่า “more bigger than one gigabyte” ครับ
ครูฟังตรงนี้แล้วก็สะดุดนิดหนึ่งอ่ะนะ เพราะว่าอะไร คือจริง ๆ แล้ว การใช้ขั้นกว่าของคำคุณศัพท์ (superlative adjectives) เนี่ย ตามหลัก grammar หรือหลักไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ เราใช้ -er หรือเติม more อย่างเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องใส่ทั้งสองอย่าง และจริง ๆ ถ้าคำคุณศัพท์สั้น ๆ อย่าง big ก็จะใช้ bigger เลย ว่ากันตามกฏตรง ๆ แล้วก็จะไม่มี more big หากจะใช้ more ก็จะใช้กับคุณศัพท์ที่โดยมากมีสามพยางค์ขึ้นไป เช่น beautiful แปลว่า สวย พอ สวยกว่า ก็จะใช้ว่า more beautiful เป็นต้น
แต่ประเด็นที่ครูอยากจะชี้ให้น้อง ๆ เห็น จริง ๆ ไม่ได้อยู่ที่ Carson Daly จะใช้ superlative adjective ผิด ๆ แต่อยู่ตรงที่ ครูอยากให้น้อง ๆ ที่อยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง ๆ มีความกล้า มีความเชื่อมั่นในตัวเอง คือเด็กไทยหลายคนค่อนข้างจะเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยกล้า กลัวว่าจะพูดผิดพูดถูก หรือพูดแล้วคนอื่นหรือเจ้าของภาษาจะฟังไม่รู้เรื่อง (ประเด็นนี้เดี๋ยวคราวหน้า ครูจะมาเล่าต่อ อีแมวเตือนกันมาได้นะครับ)
แต่ที่ครูเกริ่นมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า ขนาดเจ้าของภาษา เติบโตมากับภาษาอังกฤษ หนำซ้ำ ยังมีอาชีพเป็นพิธีกร หรือ DJ/VJ อีก ยังพูดผิดไวยากรณ์แบบนี้ (ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม) เราซึ่งไม่ใช่เจ้าของภาษา แต่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองหรือภาษาที่สามสำหรับน้อง ๆ บางคน ก็ไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกเขินอายถ้าเราจะพูดผิดบ้าง เชื่อครู เราพูดผิดบ้าง ถูกบ้าง ถือว่าผิดเป็นครูครับ คราวหน้าเราจะได้จำได้และไม่พูดผิดแบบนั้นอีก ซึ่งถ้าเราบอกตัวเองบ่อย ๆ ว่า ถ้าผิดเราก็แก้ได้ แต่อย่าไปหยุดพูด อย่าไปอายแบบไม่กล้าพูดอีกแล้ว ครูเชื่อว่า สักวัน เมื่อน้อง ๆ ขยัน หัดพูดบ่อย ๆ (พูดถึงตรงนี้ ครูก็นึกถึง ชมรมภาษาอังกฤษตอนที่ครูเป็นนิสิตขึ้นมา เอาไว้คราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังนะจ๊ะ) วันที่น้อง ๆ จะใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องจะต้องมาถึงแน่
เป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ครับ
ครู
วันนี้ครูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง พอดีเมื่อวันก่อนนี้ ครูเปิดสถานีวิทยุฟังรายการเพลงเพลิน ๆ ฟัง ๆ ไปก็มีอะไรมาสะดุดหู แล้วทำให้นึกขึ้นได้ว่า เออ ... มาเล่านี้น้อง ๆ ที่อยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง ๆ ฟังดีกว่า เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ครูฟังรายการเพลงของสถานี 97.1 AMP Radio ที่จัดโดยคุณ Cason Daly (ดูรูปประกอบนะครับ)

น้อง ๆ บางคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ MTV อาจจะเคยได้ยินชื่อ Carson Daly แต่บางคนอาจจะไม่เคยได้ยิน เอาสั้น ๆ นะ นาย Carson Daly เนี่ยก็เป็น DJ/VJ เคยจัดรายการทางช่อง MTV แล้วเขาก็ยังเป็นผู้ดำเนินรายการ หรือที่ภาษาอังกฤษเขาใช้กันว่า talk show host โดยรายการนี้มีชื่อว่า Last Call with Carson Daly ทางโทรทัศน์ช่อง NBC ด้วย
ตอนนี้นาย Carson ก็มาทำหน้าที่ DJ จัดรายการวิทยุตอนเช้า ๆ ประมาณ 6 โมงถึง 10 โมงเช้า ที่สถานีวิทยุ AMP Radio นี้ ช่วงนี้ทางรายการก็มีการเล่นเกมส์ตอบคำถามชิงรางวัล ให้นักฟังเพลงโทรเข้ามาตอบกัน จริงบ้าง เล่นบ้าง ถ้าใครตอบคำถามถูก ก็จะได้รับรางวัลเป็น iPod Nano ที่ได้รับการจารึกลายเซ็น (autographed) จากนักร้องที่ชื่อ Ke$ha ด้วย (เอ้าเอารูปประกอบไป) คนที่ร้องในอัลบั้มของ Flo Rida ในเพลง Right Round อ่ะ แล้วตอนนี้ก็มีเพลงที่เพิ่งออกเมื่อปีที่แล้วที่ชื่อ Tik Tok ไง น้อง ๆ ได้ฟังกันหรือยัง (ครูฟังจนเบื่อกับทางสถานีวิทยุที่นี่แล้ว ก็เล่นเปิดกันซะ)

กลับมาเข้าเรื่องต่อ คือคำถามที่ครูฟังวันนั้น ถามว่า When was the first iPod released? How many gigs does it have? Gigs ก็คือ กิ๊กกะไบต์ หรือ gigabytes (GB) ที่เป็นหน่วยการวัดแปลว่า พันล้านไบต์ หรือ สิบยกกำลังเก้า นั่นเอง
มาแปลคำถามกันก่อนสำหรับน้อง ๆ บางคนที่อาจจะยังงง ๆ กันอยู่ คำถามก็คือ iPod ตัวแรกที่ออกมาตีตลาดนั้น ออกมาเมื่อปีอะไร และมีขนาดความจุเท่าไร กี่ GB? น้อง ๆ รู้คำตอบหรือเปล่าครับ คำตอบก็คือปี 2001 กับ 5 GB ไง ใครตอบถูกบ้าง ตอบถูกเอารางวัล Ke$ha autographed iPod Nano ไปเลย (แต่ไปเอารางวัลกับคุณ Carson Daly นะ ครูไม่มีอ่ะ)
เท่าที่อ่านมายังไม่มีอะไรสะดุดหูใช่มะ ก็ครูยังไม่ได้เล่าเลย เรื่องที่สะดุดหูก็คือ มีผู้ฟังคนหนึ่งโทรเข้ามาตอบว่า 500 เม็กใช่ไหมคะ (เมกกะไบต์ ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กกว่า กิ๊กกะไบต์) คุณ Carson ก็บอกว่า ยังไม่ใช่ เอ้าลองทายอีกที คุณผู้ฟังก็ตอบว่า งั้นก็หนึ่งเมกก็แล้วกัน คุณ Carson ก็บอกไปว่า ยังไม่ใช่ เอางี้ละกัน ให้คุณผู้ฟังคนอื่นตอบบ้าง แล้วก็ใบ้ให้ด้วยนะว่า ความจุน่ะ “มากกว่าหนึ่งกิ๊กนะจ๊ะ” โดยคุณ Carson เขาพูดว่า “more bigger than one gigabyte” ครับ
ครูฟังตรงนี้แล้วก็สะดุดนิดหนึ่งอ่ะนะ เพราะว่าอะไร คือจริง ๆ แล้ว การใช้ขั้นกว่าของคำคุณศัพท์ (superlative adjectives) เนี่ย ตามหลัก grammar หรือหลักไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ เราใช้ -er หรือเติม more อย่างเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องใส่ทั้งสองอย่าง และจริง ๆ ถ้าคำคุณศัพท์สั้น ๆ อย่าง big ก็จะใช้ bigger เลย ว่ากันตามกฏตรง ๆ แล้วก็จะไม่มี more big หากจะใช้ more ก็จะใช้กับคุณศัพท์ที่โดยมากมีสามพยางค์ขึ้นไป เช่น beautiful แปลว่า สวย พอ สวยกว่า ก็จะใช้ว่า more beautiful เป็นต้น
แต่ประเด็นที่ครูอยากจะชี้ให้น้อง ๆ เห็น จริง ๆ ไม่ได้อยู่ที่ Carson Daly จะใช้ superlative adjective ผิด ๆ แต่อยู่ตรงที่ ครูอยากให้น้อง ๆ ที่อยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง ๆ มีความกล้า มีความเชื่อมั่นในตัวเอง คือเด็กไทยหลายคนค่อนข้างจะเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยกล้า กลัวว่าจะพูดผิดพูดถูก หรือพูดแล้วคนอื่นหรือเจ้าของภาษาจะฟังไม่รู้เรื่อง (ประเด็นนี้เดี๋ยวคราวหน้า ครูจะมาเล่าต่อ อีแมวเตือนกันมาได้นะครับ)
แต่ที่ครูเกริ่นมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า ขนาดเจ้าของภาษา เติบโตมากับภาษาอังกฤษ หนำซ้ำ ยังมีอาชีพเป็นพิธีกร หรือ DJ/VJ อีก ยังพูดผิดไวยากรณ์แบบนี้ (ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม) เราซึ่งไม่ใช่เจ้าของภาษา แต่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองหรือภาษาที่สามสำหรับน้อง ๆ บางคน ก็ไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกเขินอายถ้าเราจะพูดผิดบ้าง เชื่อครู เราพูดผิดบ้าง ถูกบ้าง ถือว่าผิดเป็นครูครับ คราวหน้าเราจะได้จำได้และไม่พูดผิดแบบนั้นอีก ซึ่งถ้าเราบอกตัวเองบ่อย ๆ ว่า ถ้าผิดเราก็แก้ได้ แต่อย่าไปหยุดพูด อย่าไปอายแบบไม่กล้าพูดอีกแล้ว ครูเชื่อว่า สักวัน เมื่อน้อง ๆ ขยัน หัดพูดบ่อย ๆ (พูดถึงตรงนี้ ครูก็นึกถึง ชมรมภาษาอังกฤษตอนที่ครูเป็นนิสิตขึ้นมา เอาไว้คราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังนะจ๊ะ) วันที่น้อง ๆ จะใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องจะต้องมาถึงแน่
เป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ครับ
ครู
Monday, January 11, 2010
Let the party begin!
สวัสดีครับน้อง ๆ
บล๊อกนี้ก็ถือว่าเป็นการเปิดตัวเลยนะครับกับครู
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อน (ซึ่งน้อง ๆ บางคนคงจะเข้าไปเห็นแล้วจาก ส่วนที่เกี่ยวกับครู) ครูเนี่ยตอนเป็นเด็ก ก็เหมือนน้อง ๆ หลายคนเนี่ยแหละ ที่มีความฝันอยากเรียนเก่ง ๆ อยากทำโน่น ทำนี่ เข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ดีใจและภูมิใจ ตอนจะเข้ามหาวิทยาลัย ครูก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือ อ่านหนังสือ เรียนพิเศษสารพัด เพื่อให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ พอสอบเข้าได้แล้วเรียนจนจะจบ ก็พยายามทำเกรด เพราะอยากไปเรียนต่อเมืองนอก พอดีได้อาจารย์หลายท่านสมัยที่เรียนอยู่จุฬา ให้คำแนะนำดี ๆ เลยได้มีโอกาสไปเรียนต่อปริญญาเอกที่อเมริกา หลังจากเรียนจบปริญญาตรีที่จุฬาแล้ว
ตอนนี้ครูก็เป็นครูสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย จริง ๆ พอเรียนจบปริญญาเอกจาก Texas A & M University แล้ว ครูก็ไม่ได้สมัครเป็นครูซะทีเดียวหรอกนะ เพราะพอจบเอกแล้ว ครูก็มาทำวิจัยเพิ่มเติมต่อ แบบที่เขาเรียกกันทั่วไปว่า postdoc ที่ Caltech หรือที่มีชื่อเต็ม ๆ ว่า California Institute of Technology (ไม่ใช่ปั๊มนั้ำมันนะจ๊ะ) ในเมือง Pasadena ก่อน จากนั้นก็สมัครไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย พอดีอาจจะจับพลัดจับผลู คุยกันถูกใจ หน้าให้ว่าเป็นครูน่าจะดี เขาก็จ้างให้มาเป็นครูสอนเด็กมหาวิทยาลัย (จริง ๆ นักเรียนอเมริกันของครูหลายคนก็ไม่เด็กนะ บางคนดูจะอายุมากกว่าครูอีก แต่ก็เออ ไม่เป็นไร สอน ๆ กันไป)
จริง ๆ แล้วครูก็คล้าย ๆ กับครูหลาย ๆ ท่านที่รักการเรียนการสอนหนังสือนั่นแหละ อยากเห็นเด็กไทยเรียนหนังสือเก่ง ๆ ใช้ภาษาอังกฤษได้คล่อง ๆ แบบที่เรียกได้ว่าเป็นน้อง ๆ ของเจ้าของภาษาหรือ native speaker เลยทีเดียว (ครูเชื่อมั่นว่าน้อง ๆ ที่สนใจภาษาอังกฤษจริง ๆ ทำได้ครับ)
อีกอย่าง พอดีครูพอมีประสบการณ์ด้านการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษอยู่บ้าง ทั้งภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน และภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษา ประกอบกับมีน้อง ๆ หลายคนที่เคยเรียน กับครู เคยมาปรึกษากับครู อยากให้ครูให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ และก็ประสบการณ์ที่ครูมี ครูก็คิดว่า อย่ากระนั้นเลย มาเขียนบล๊อกแบ่งปันประสบการณ์และความรู้กับน้อง ๆ ที่สนใจดีกว่า เพราะนอกเหนือจากน้อง ๆ ที่ขอมาแล้ว ครูก็หวังว่าการสื่อสารด้วยบล็อกคงจะช่วยน้อง ๆ คนอื่นที่อาจจะไม่เคยรู้จักกับครูเป็นการส่วนตัวได้อีกมาก นี่ก็เลยเป็นปฐมเหตุของ บล็อกครูดร.กานต์ นี่แหละครับ
คราวนี้มารู้จัก บล็อกครูดร.กานต์ กันบ้างว่าบล็อกนี้จะมีอะไรให้น้อง ๆ บ้าง อย่างแรกที่ก็คือ ครูจะช่วยเฉลยข้อสอบต่าง ๆ ตามที่ครูหามาได้นะครับ เช่น ข้อสอบ GAT บ้าง ข้อสอบ O-NET บ้าง หรือกระทั่งข้อสอบ TOEFL, IELST, CU-TEP, TU-TEP หรือ SMART หากน้อง ๆ คนไหน มีข้อสอบอะไรใหม่ ๆ มาอยากให้ครูลองเฉลยดู ก็อีแมว เอ้ย e-mail กันมาได้นะครับ แล้วครูกับพี่ ๆ ทีมงานจะช่วยกันดูให้ แล้วถ้าเฉลยเสร็จ ก็จะโพสต์เฉลยเอาไว้บนบล็อกนี้นะครับ
อย่างที่สองที่น้อง ๆ ที่เมืองไทยที่รู้จักครูขอกันมาก็คือ อยากให้ครูแนะนำมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในอเมริกาให้ รวมถึงเทคนิคการใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกาโดยทั่วไปว่ามันเป็นอย่างไร พอดีน้อง ๆ บางคนอาจจะรู้มาว่า ตอนสมัยครูเรียนหนังสือปริญญาเอกอยู่ งานอดิเรกอย่างหนึ่งของครูก็คือการไปทัวร์มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในอเมริกา ซึ่งครูว่ามันก็สนุกดีนะ เหมือนเป็นการไปทัศนศึกษา
แต่เพื่อนครูบางคนสมัยนั้นชอบอำว่า ถ้าไปเที่ยวกับครู มีหวังได้ไปเที่ยวอย่างเดียวแน่ คือการทัวร์มหาวิทยาลัย ซึ่งเพื่อน ๆ บางคนบอกว่าน่าเบื่อ เพราะเขาอยากไปแบบว่า Disneyland, Disney World, Universal Studio, Six Flags หรือสวนสนุกต่าง ๆ ทำนองนั้น แต่ครูว่านะ ทัวร์มหาลัยดีออก
สำหรับครูแล้วมันสนุกดี ได้เรียนรู้ว่ามหาวิทยาลัยต่าง ๆ เขามีการเรียนการสอนกับอย่างไร มีจุดเหมือน จุดต่างกันอย่างไร ครูก็ไปมาหลายมหาวิทยาลัยนะ ปัจจุบันปกติก็สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย แต่่ถ้ามีโอกาสก็ยังไปอยู่เรื่อย ๆ เลย การเรียนรู้นี่มันไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ นะครับ ก็เป็นเพราะเหตุนี้ ครูก็เลยพอมีอะไรมาเขียน มาแบ่งปันประสบการณ์กับน้อง ๆ ที่สนใจจะมาเรียนต่อได้บ้าง
นี่ก็เขียนมายาวแล้ว เอาไว้คราวหน้า ครูจะมาประเดิมด้วยการเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในรัฐมิชิแกนก็แล้วกันนะ ลองมาทายกันดูว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยอะไร ส่งอีเมล์หรือเขียนคอมเม้นท์มาทายกันดูเล่น ๆ ก็ได้ครับ หรือใครมีมหาวิทยาลัยอะไรที่สนใจเป็นพิเศษ ก็ request คุณขอมากันได้นะครับ ถ้ามีหลาย ๆ requests และครูเคยไปสัมผัสอยู่บ้าง ครูก็จะทำตาม คุณขอมา เขียนมาเล่าสู่กันฟัง แบ่งปันกับน้อง ๆ กันนะครับ ยังไง ๆ ก็ของฝาก บล๊อกครูดร.กานต์ กับน้อง ๆ ด้วยนะครับ ติดตามกันหน่อยนะครับ
Take care,
ครูเอง
บล๊อกนี้ก็ถือว่าเป็นการเปิดตัวเลยนะครับกับครู
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อน (ซึ่งน้อง ๆ บางคนคงจะเข้าไปเห็นแล้วจาก ส่วนที่เกี่ยวกับครู) ครูเนี่ยตอนเป็นเด็ก ก็เหมือนน้อง ๆ หลายคนเนี่ยแหละ ที่มีความฝันอยากเรียนเก่ง ๆ อยากทำโน่น ทำนี่ เข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ดีใจและภูมิใจ ตอนจะเข้ามหาวิทยาลัย ครูก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือ อ่านหนังสือ เรียนพิเศษสารพัด เพื่อให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ พอสอบเข้าได้แล้วเรียนจนจะจบ ก็พยายามทำเกรด เพราะอยากไปเรียนต่อเมืองนอก พอดีได้อาจารย์หลายท่านสมัยที่เรียนอยู่จุฬา ให้คำแนะนำดี ๆ เลยได้มีโอกาสไปเรียนต่อปริญญาเอกที่อเมริกา หลังจากเรียนจบปริญญาตรีที่จุฬาแล้ว
ตอนนี้ครูก็เป็นครูสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย จริง ๆ พอเรียนจบปริญญาเอกจาก Texas A & M University แล้ว ครูก็ไม่ได้สมัครเป็นครูซะทีเดียวหรอกนะ เพราะพอจบเอกแล้ว ครูก็มาทำวิจัยเพิ่มเติมต่อ แบบที่เขาเรียกกันทั่วไปว่า postdoc ที่ Caltech หรือที่มีชื่อเต็ม ๆ ว่า California Institute of Technology (ไม่ใช่ปั๊มนั้ำมันนะจ๊ะ) ในเมือง Pasadena ก่อน จากนั้นก็สมัครไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย พอดีอาจจะจับพลัดจับผลู คุยกันถูกใจ หน้าให้ว่าเป็นครูน่าจะดี เขาก็จ้างให้มาเป็นครูสอนเด็กมหาวิทยาลัย (จริง ๆ นักเรียนอเมริกันของครูหลายคนก็ไม่เด็กนะ บางคนดูจะอายุมากกว่าครูอีก แต่ก็เออ ไม่เป็นไร สอน ๆ กันไป)
จริง ๆ แล้วครูก็คล้าย ๆ กับครูหลาย ๆ ท่านที่รักการเรียนการสอนหนังสือนั่นแหละ อยากเห็นเด็กไทยเรียนหนังสือเก่ง ๆ ใช้ภาษาอังกฤษได้คล่อง ๆ แบบที่เรียกได้ว่าเป็นน้อง ๆ ของเจ้าของภาษาหรือ native speaker เลยทีเดียว (ครูเชื่อมั่นว่าน้อง ๆ ที่สนใจภาษาอังกฤษจริง ๆ ทำได้ครับ)
อีกอย่าง พอดีครูพอมีประสบการณ์ด้านการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษอยู่บ้าง ทั้งภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน และภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษา ประกอบกับมีน้อง ๆ หลายคนที่เคยเรียน กับครู เคยมาปรึกษากับครู อยากให้ครูให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ และก็ประสบการณ์ที่ครูมี ครูก็คิดว่า อย่ากระนั้นเลย มาเขียนบล๊อกแบ่งปันประสบการณ์และความรู้กับน้อง ๆ ที่สนใจดีกว่า เพราะนอกเหนือจากน้อง ๆ ที่ขอมาแล้ว ครูก็หวังว่าการสื่อสารด้วยบล็อกคงจะช่วยน้อง ๆ คนอื่นที่อาจจะไม่เคยรู้จักกับครูเป็นการส่วนตัวได้อีกมาก นี่ก็เลยเป็นปฐมเหตุของ บล็อกครูดร.กานต์ นี่แหละครับ
คราวนี้มารู้จัก บล็อกครูดร.กานต์ กันบ้างว่าบล็อกนี้จะมีอะไรให้น้อง ๆ บ้าง อย่างแรกที่ก็คือ ครูจะช่วยเฉลยข้อสอบต่าง ๆ ตามที่ครูหามาได้นะครับ เช่น ข้อสอบ GAT บ้าง ข้อสอบ O-NET บ้าง หรือกระทั่งข้อสอบ TOEFL, IELST, CU-TEP, TU-TEP หรือ SMART หากน้อง ๆ คนไหน มีข้อสอบอะไรใหม่ ๆ มาอยากให้ครูลองเฉลยดู ก็อีแมว เอ้ย e-mail กันมาได้นะครับ แล้วครูกับพี่ ๆ ทีมงานจะช่วยกันดูให้ แล้วถ้าเฉลยเสร็จ ก็จะโพสต์เฉลยเอาไว้บนบล็อกนี้นะครับ
อย่างที่สองที่น้อง ๆ ที่เมืองไทยที่รู้จักครูขอกันมาก็คือ อยากให้ครูแนะนำมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในอเมริกาให้ รวมถึงเทคนิคการใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกาโดยทั่วไปว่ามันเป็นอย่างไร พอดีน้อง ๆ บางคนอาจจะรู้มาว่า ตอนสมัยครูเรียนหนังสือปริญญาเอกอยู่ งานอดิเรกอย่างหนึ่งของครูก็คือการไปทัวร์มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในอเมริกา ซึ่งครูว่ามันก็สนุกดีนะ เหมือนเป็นการไปทัศนศึกษา
แต่เพื่อนครูบางคนสมัยนั้นชอบอำว่า ถ้าไปเที่ยวกับครู มีหวังได้ไปเที่ยวอย่างเดียวแน่ คือการทัวร์มหาวิทยาลัย ซึ่งเพื่อน ๆ บางคนบอกว่าน่าเบื่อ เพราะเขาอยากไปแบบว่า Disneyland, Disney World, Universal Studio, Six Flags หรือสวนสนุกต่าง ๆ ทำนองนั้น แต่ครูว่านะ ทัวร์มหาลัยดีออก
สำหรับครูแล้วมันสนุกดี ได้เรียนรู้ว่ามหาวิทยาลัยต่าง ๆ เขามีการเรียนการสอนกับอย่างไร มีจุดเหมือน จุดต่างกันอย่างไร ครูก็ไปมาหลายมหาวิทยาลัยนะ ปัจจุบันปกติก็สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย แต่่ถ้ามีโอกาสก็ยังไปอยู่เรื่อย ๆ เลย การเรียนรู้นี่มันไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ นะครับ ก็เป็นเพราะเหตุนี้ ครูก็เลยพอมีอะไรมาเขียน มาแบ่งปันประสบการณ์กับน้อง ๆ ที่สนใจจะมาเรียนต่อได้บ้าง
นี่ก็เขียนมายาวแล้ว เอาไว้คราวหน้า ครูจะมาประเดิมด้วยการเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในรัฐมิชิแกนก็แล้วกันนะ ลองมาทายกันดูว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยอะไร ส่งอีเมล์หรือเขียนคอมเม้นท์มาทายกันดูเล่น ๆ ก็ได้ครับ หรือใครมีมหาวิทยาลัยอะไรที่สนใจเป็นพิเศษ ก็ request คุณขอมากันได้นะครับ ถ้ามีหลาย ๆ requests และครูเคยไปสัมผัสอยู่บ้าง ครูก็จะทำตาม คุณขอมา เขียนมาเล่าสู่กันฟัง แบ่งปันกับน้อง ๆ กันนะครับ ยังไง ๆ ก็ของฝาก บล๊อกครูดร.กานต์ กับน้อง ๆ ด้วยนะครับ ติดตามกันหน่อยนะครับ
Take care,
ครูเอง
Subscribe to:
Posts (Atom)