About Me

My photo
ใครคือ Kru Dr. Gan: ครูคนหนึ่งที่รักการสอนหนังสือ Kru Dr. Gan อยู่ที่ไหน: ไป ๆ มา ๆ ระหว่างเมืองไทยกับสหรัฐอเมริกา Kru Dr. Gan สอนวิชาอะไรบ้าง: ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม Kru Dr. Gan สอนใครบ้าง: น้อง ๆ มัธยมไปจนถึงนักศึกษาปริญญาเอก Kru Dr. Gan ทำอะไรอีกนอกจากสอน: ทำวิจัย เขียนบทความ ฯลฯ

Saturday, February 27, 2010

ภาษาอังกฤษในชีวิตจริง ๆ: น้ำท่วมแล็ป

สวัสดีครับ

วันนี้ครูมีเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้ามาเล่าสู่กันฟัง เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ เมื่อตอนสายวันนี้เอง

อยู่ ๆ ครูก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมงานที่เป็น อาจารย์มหาวิทยาลัยที่เดียวกันท่านหนึ่ง เสียงอาจารย์ท่านนั้นตื่นตระหนกตกใจมาก ครูรับโทรศัพท์แล้วก็บอกว่า

ครู: Hi, how are you? What's going on?

เพื่อนอาจารย์: I wanted to tell you that your lab is flooded! There is water all over the place.

ครู: What? What just happened?

เพื่อนอาจารย์: Your lab is full of water. I don't know how it happened, but it seems like someone forgot turn off one of the faucets.

ครู: Oh, my ... (อึ้ง พูดไม่ออกไปสองวิ)

สรุป วันนี้ เด็กในห้องปฏิบัติการ (laboratory) ของครู ทำน้ำท่วมแล็ป เพราะเธอลืมปิดน้ำที่เปิดต่อไว้กับเครื่องมือตัวหนึ่ง ครูก็ตกใจมาก เพราะการที่ห้องปฏิบัติการน้ำท่วมน้ัน มีอันตรายอย่างมาก คือเราไม่รู้ว่าน้ำท่วมมากน้อยเท่าไร แล้วน้ำที่ท่วมไปมันจะไปก่อให้เกิดความเสียหายกับเครื่องมือชิ้นอื่น ๆ ในแล็ป รวมถึงสารเคมีต่าง ๆ มากน้อยแค่ไหน พอดีในแล็ปครู ก็มีสารเคมีมากซะด้วย และสารบางชนิดก็สามารถทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำได้อีก พอครูได้ยินข่าว ครูกังวลมากเพราะพอดีครูอยู่ต่างจังหวัด (ต่างเมือง) ไม่สามารถเข้าไปดูและคุมสถานการณ์ได้

ดีที่ว่าครูมีลูกศิษย์บางคนที่พอเพิ่งพาได้ ครูก็โทรติดต่อ ขอให้เขาเข้าไปสำรวจสถานการณ์ ลูกศิษย์ครูก็เข้าไปดูสถานการณ์ แล้วจึงโทรเข้ามาบอกตอนหลังเที่ยงว่า ทุกอย่างโอเค ไม่มีอะไรเสียหายมาก ครูก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

เฮ้อ แต่เดี๋ยววันจันทร์ ครูต้องเข้าไปเคลียร์กับเด็ก ๆ สักหน่อยว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันเหรอ

ต้องเตือนพวกเขาว่า safety first นะจ๊ะเธอ ความปลอดภัยมาก่อนจ้า

ตอนนี้ครูต้องขอไปเขียนรายงานก่อน คราวหน้า เดี๋ยวเราจะมาพูดกันถึงบทสนทนาระหว่างครูและเพื่อนอาจารย์สักหน่อย ว่ามีคำศัพย์คำพูดอะไรน่าสนใจบ้าง เพราะนี่เป็นบทสนทนาจากสถานการณ์จริงเลย

เป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคนสู้กับ GAT และ PAT ต่อไป

ครู

Thursday, February 25, 2010

ภาษาอังกฤษในชีวิตจริง ๆ: ใช้สำนวนอเมริกันแบบเจ้าของภาษา ตอนที่ 2

ก่อนอื่นขอโทษ ขอโพย กันก่อน เพราะจริง ๆ ครูตั้งใจจะมาเขียนก่อนหน้านี้หลายวัน เพราะครูก็รู้ว่าน้อง ๆ หลายคนคงจะไปสอบ O-NET มา และหลายคนอาจจะบ่นกันอุบเกี่ยวกับข้อสอบ ในส่วนของข้อสอบภาษาอังกฤษ ครูยังไม่ได้ดู แต่หากได้ตัวข้อสอบมาเมื่อไร ครูจะมารีบเฉลย พร้อมวิเคราะห์ให้น้อง ๆ ฟังกันเลย

ตอนนี้มาขอเฉลยปัญหาที่ได้ถามไปแล้วเมื่อครั้งก่อน เกี่ยวกับสำนวนภาษาอังกฤษ

คำตอบก็คือข้อ (d) Cat got your tongue?

เพราะจากบทสนทนา เราพอทราบได้ว่า เจ้าตัวคนเล่าคงจะรู้สึกอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไป พูดไม่ค่อยออก เมื่อเห็นคนที่จะนินทาเดินผ่านมา เพื่อนที่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ ก็คงจะพูดเป็นทำนองล้อว่า

เอ้า เป็นอะไรเงียบไป พูดไม่ออก บอกไม่ถูกเลยหรือ

ซึ่งนั่นก็ตรงกับสำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า Cat got your tongue? มากที่สุด เพราะมีนัยยะว่า แมวขโมยลิ้นไปแล้วเหรอ ไม่มีลิ้น จึงพูดไม่ได้หรืออย่างไร

หวังว่าน้อง ๆ คงตอบถูกกันนะครับ

อีกอย่างถึงแม้การแปลจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่เวลาทำข้อสอบภาษาอังกฤษทั้งหลาย ครูไม่อยากให้น้อง ๆ แปลกลับมาเป็นภาษาไทยเท่าไร อยากให้ภาษามัน "ซึมซาบ" กันไปเลย

อ้าว แล้วจะทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ

เอาไว้งวดหน้างวดหลัง ครูจะมาแบ่งปันเคล็ดแบบไม่ลับ ที่ครูได้ฝึกเอาไว้ใช้เอง ให้น้อง ๆ ลองไปฝึกแล้วกันนะครับ

เป็นกำลังใจ

ครู

Sunday, February 14, 2010

ภาษาอังกฤษในชีวิตจริง ๆ: ใช้สำนวนอเมริกันแบบเจ้าของภาษา ตอนที่ 1

สวัสดีครับน้อง ๆ

เฮ้อ ช่วงนี้ครูยุ่งมาก ๆ เลย พอดีเป็นช่วงสอบกลางภาคของมหาวิทยาลัยที่ครูสอนอยู่ ครูก็เพิ่งสอบเด็ก ๆ ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก่อนหน้านั้นก็ต้องเตรียมข้อสอบ แล้วก็ต้องเตรียมติวพิเศษให้เด็ก ๆ เขา เด็ก ๆ มหาวิทยาลัยที่นี่ต้องเตรียมติวพิเศษให้ก่อนสอบเสมอ อาจารย์ท่านอื่น ๆ ที่นี่ก็ทำเป็นปกติ แต่ก็ดีนะ เป็นการช่วยกระตุ้นให้เขารู้จักเตรียมตัวสอบ เตรียมตัวอ่านหนังสือให้มาก ๆ ตอนนี้ครูก็ต้องมาตรวจข้อสอบกับทำเฉลย พอดีครูเพิ่งทำเฉลยข้อสอบเสร็จ ตอนนี้พักเล็กน้อยก่อนไปตรวจข้อสอบต่อ ครูก็ขอแว็บมาคุยกับน้อง ๆ ที่ติดตามบล็อกครูก่อนก็แล้วกันเนอะ พอดีครูมีสำนวนใหม่ ๆ มาเล่าสู่กันฟัง

สำนวนที่ว่าคืออะไร ก็ลองดูตัวอย่างได้จากบทสนทนาระหว่างสองสาวก๋ากั่น ไมร่า (Myra) กับ เอมี่ (Amy) ที่เป็นเพื่อนกันมานาน

Myra: Oh, I went to see Sean yesterday and saw him with his new girlfriend.
Amy: Really? I really feel bad for Emily that she and Sean had to break up that way. So what were Sean and his new girlfriend doing?


ไม่ทันขาดคำ แฟนเก่าของหนุ่มฌอน (Sean) คือเอมิลี่ (Emily) ก็เดินผ่านมาพอดี ก่อนที่ไมร่า จะทันพูดอะไรออกมา

Myra: They were …
Amy: Hey Myra, what happened? _____ Come on speak up.
Myra: Oh, … Hi Emily, how are you? We were just thinking about you.


บทสนทนาดังกล่าวเป็นบทสนทนาที่ครูได้ยินจากละครทางทีวีเรื่องหนึ่ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ น้อง ๆ คิดว่าคำที่ควรเติมในช่องว่างคืออะไร

(a) Are you ok?
(b) Please don’t be scared.
(c) Is there something fishy?
(d) Cat got your tongue?


ใช่แล้วครับ คำตอบก็คือ … ครูเอาเป็นว่าขออุบไว้ก่อนในตอนนี้นะครับ เดี๋ยวตอนหน้าจะมาเฉลยนะ เอาไปคิดเป็นการบ้านกันนะจ๊ะ ตอนหน้าเจอกัน

เป็นกำลังใจให้น้อง

ครู

Monday, February 1, 2010

เรียนรู้ศัพท์ กับคำใหม่ ๆ: Palindrome

สวัสดีครับน้อง ๆ

นี่ก็เริ่มเดือนกุมภาพันธ์กันแล้วนะครับ เดือนมกราคมก็เพิ่งจะผ่านไป (โอ้โห อีก 11 เดือน ก็ปีใหม่อีกปีแล้วนะเนี่ย) วันนี้ครูกลับมาพร้อมกับเรื่องเล่าเรื่องใหม่ที่เพิ่งนึกขึ้นได้ เรื่องที่ว่าก็เกี่ยวกับคำศัพท์ครับ ใช่แล้ว คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ว่าคือ palindrome น้อง ๆ เคยได้ยินไหมครับว่าเจ้า palindrome นี่มันคืออะไร มีความหมายว่าอย่างไร แล้วมันเกี่ยวกับเดือนมกราคมได้อย่างไร อะแฮ่ม คือเรื่องของเรื่อง palindrome ก็คือ คำหรือตัวเลข ที่เรียงต่อกันซึ่งเมื่ออ่านแล้วได้ใจความ (โดยความหมายอาจจะเหมือนหรือต่างกันก็ได้) ไม่ว่าจะอ่านจากซ้ายไปขวา หรือขวามาซ้าย ยกตัวอย่างเช่น

TENET (อ่านจากซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้าย ได้ความหมายเดิม คำเดิม)
STOP กับ POTS (อ่านจากซ้ายไปขวาได้ความหมาย อ่านจากขวาไปซ้ายก็ได้ความหมาย แต่เป็นคนละความหมาย คนละคำ)
STAR กับ RATS
SMART กับ TRAMS
DELIVER กับ REVILED

ส่วนที่ว่า palindrome นี่เกี่ยวกับเดือนมกราคม ก็คือเดือนมกราคมของปีนี้ คือปีคริสตศักราช 2010 ด้วยนะครับ น้อง ๆ ทราบไหมครับว่า เดือนมกราคมนี้ มีวันที่เป็น palindrome อยู่ถึงสองวัน (palindromic dates) รู้ไหมครับว่าวันอะไร

มันก็คือวันที่ 11 มกราคม และวันที่ 22 มกราคม ไงครับ คือว่าสองวันนี้ หากเขียนตามวันที่แบบอเมริกัน จะเขียนได้ว่า 01/11/10 และ 01/22/10

คือการเขียนวันที่ตามแบบอเมริกันนั้นจะเอาเดือนขึ้นก่อน ตามด้วยวันที่ และตามด้วยปีย่อ อย่างที่เห็น

แต่ถ้าเขียนแบบยุโรป อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ (เรียกว่าเกือบ ๆ ทั่วโลกเลยทีเดียว) จะเขียนเริ่มด้วยวัน เดือน และปีย่อ อย่างที่คนไทยเราคุ้นเคยกัน ด้งนั้นจะเห็นได้ว่า วันที่ 11 และ 22 มกราคม ปี 2010 เป็น palindromic dates หากเขียนตามแบบอเมริกัน ไม่ใช่ ตามแบบยุโรป อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์

หากเขียนอย่างยุโรป น้อง ๆ พอจะนึก palindromic date ออกไหมครับว่าคือวันอะไร ใครรู้รีบตอบมา ใช่แล้วครับ นั่นก็คือวันที่ 1 พฤศจิกายน นั่นเอง น้อง ๆ ลองไปเขียนวันที่่ย่อ ๆ แบบยุโรปดูนะครับสำหรับวันที่ 1 พฤศจิกายน แล้วน้อง ๆ ก็จะเห็นว่าวันนั้นมันเป็น palindromic date ได้อย่างไร

วันนี้ครูต้องลาไปก่อน ขอตัวไปนอน แล้วเดี๋ยววันหลัง ครูเก็บเรื่องอะไรเด็ด ๆ ได้แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีก สรุปสำหรับวันนี้ น้อง ๆ ก็รู้แล้วว่า palindrome หมายความว่าอย่างไร ตัวอย่างมีอะไรบ้าง นั่นแหละครับ แล้วคุยกันครับ

เป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคน

ครู

นานาสาระ: ฤดูกาลสอบใกล้เข้ามาแล้ว

สวัสดีครับน้อง ๆ

วันนี้ครูอยากมาบอกน้อง ๆ ว่า อ่านหนังสือกันไปถึงไหนแล้วครับ ฤดูกาลสอบใกล้เข้ามาแล้วนะครับ ครูก็จะพยายามเร่งผลิตเฉลยข้อสอบเก่า ๆ มาให้น้อง ๆ อ่านกันนะครับ (จริง ๆ ครูก็รู้แหละว่าน้อง ๆ คงมีเฉลยข้อสอบกันแล้ว แต่ลองมาดูเวอร์ชั่นครูกัน เพราะข้อสอบพวกนี้น่าสนใจมากนะ หลายข้อก็เกือบ ๆ ดิ้นได้ ในความคิดครูนะครับ) แล้วครูก็จะพยายามทำลิงค์วิดิโอเฉลยข้อสอบทางออนไลน์มาให้น้อง ๆ ได้ลองใช้กัน คือครูจะพยายามทำรูปแบบให้มันง่าย ๆ นะครับ มันจะได้ไม่ซับซ้อนมาก ไม่ต้องเข้าโน่นออกนี่ให้มันยุ่งยาก จะมีแค่เว็ปหลัก ๆ ไม่กี่อัน เพราะครูว่าข้อสอบมันก็ท้าทายพอสมควรแล้ว เรามาอ่านมาเฉลยกันแบบไม่ซับซ้อน จะได้สนุกกับการเรียนดีกว่าเนอะ

ตกลง ข้อสอบ O-NET ประจำปีการศึกษา 2552 ของน้อง ๆ ม. 6 นี่สอบปลายเดือนกุมภาพันธ์แล้วนะครับ (ส่วนน้อง ๆ ชั้นปีอื่น ๆ ตอนนี้ครูงานล้นตัวมาก ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่ยังไม่มีเฉลยข้อสอบที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษให้น้อง ๆ ชั้นอื่น ๆ แต่เดี๋ยวพอครูมีเวลามากขึ้น ครูจะจัดให้ตามคำขอนะครับ แต่ตอนนี้ ขอทำให้พี่ ๆ ม. 6 ที่เขาต้องสอบแข่งขันแบบเมามัน เตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยกันก่อนนะครับ)

ส่วนข้อสอบ GAT ครั้งที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ก็จะสอบกันเดือนมีนาคมนะครับ

ใครสอบทั้ง O-NET ทั้ง GAT ก็สอบกันสองเดือนซ้อนเลยนะครับ

อ้อ และในระหว่างนี้ น้อง ๆ คนไหนมีคำถามเกี่ยวกับข้อสอบ การใช้ภาษาอังกฤษ หรือแม้คำถามจิปาถะอื่น ๆ ก็ถามครูมาได้นะครับ ถามกันมา ครูก็จะพยายามตอบกันไปนะครับ ที่เว็ป formspring.me

เป็นกำลังใจให้น้อง ๆ เสมอ

ครู

Sunday, January 24, 2010

Let's do what we can: Helping people in Haiti

สวัสดีครับน้อง ๆ วันนี้ครูมีเรื่องจะมาบอก คือไม่ได้มีอะไรมาเล่ามาก แต่อย่างที่น้อง ๆ หลายคนคงทราบจากสื่อมวลชนต่าง ๆ ตอนนี้ประเทศเฮติ ซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มละตินอเมริกา ในแถบทะเลแคริเบี้ยน ได้ประสบกับวิบัติภัยแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมานี้เอง ประเทศเฮติเป็นประเทศที่ยากจนมาก ตอนนี้มีผู้ประสบภัยหลายแสนคน และมีการประเมินจำนวนยอดผู้เสียชีวิตเอาไว้เกือบถึงสองแสนคน นานาประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย ตอนนี้ต่างก็ระดมกำลังกันเข้าให้ความช่วยเหลือ ทั้งด้านการเงินบ้าง การแพทย์บ้าง การบรรเทาสาธารณภัยบ้าง ครูก็เพิ่งบริจาคเงินไปช่วยเหลือครับ ก็อยากให้น้อง ๆ ลองไปอ่านข้อมูลตามลิงค์ที่ครูให้ไว้แล้วกันครับ มีเป็นลิงค์ของ สภากาชาด (Red Cross) ลิงค์ของ สหประชาชาติ (United Nations) ลิงค์ของ กองทุน Clinton-Bush Haiti Fund และก็บล็อกข่าวสารที่เป็นภาษาอังกฤษในต่างประเทศ อย่างเช่น หนังสือพิมพ์ The Guardian ของอังกฤษ หรือ หนังสือพิมพ์ The Boston Globe ของอเมริกา

ใครช่วยได้มีกำลังเท่าไหนก็ช่วยกันไป ใครไม่มีกำลังเงิน จะเข้าไปตามบล็อกภาษาอังกฤษที่ครูทำลิงค์ไว้ให้ และเข้าไปส่งกำลังใจผ่านลิงค์ให้กับเพื่อนร่วมโลกชาวเฮติด้วยก็ได้ครับ ถือว่าเป็นการฝึกอ่าน ฝึกเขียนภาษาไปในตัวด้วยนะครับ เจอกันโพสต์หน้าครับ

Take care,

ครูเอง

ภาษาอังกฤษในชีวิตจริง ๆ: ฝรั่งก็พูดผิดเป็นนะเออ

หวัดดีครับน้อง ๆ

วันนี้ครูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง พอดีเมื่อวันก่อนนี้ ครูเปิดสถานีวิทยุฟังรายการเพลงเพลิน ๆ ฟัง ๆ ไปก็มีอะไรมาสะดุดหู แล้วทำให้นึกขึ้นได้ว่า เออ ... มาเล่านี้น้อง ๆ ที่อยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง ๆ ฟังดีกว่า เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ครูฟังรายการเพลงของสถานี 97.1 AMP Radio ที่จัดโดยคุณ Cason Daly (ดูรูปประกอบนะครับ)


น้อง ๆ บางคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ MTV อาจจะเคยได้ยินชื่อ Carson Daly แต่บางคนอาจจะไม่เคยได้ยิน เอาสั้น ๆ นะ นาย Carson Daly เนี่ยก็เป็น DJ/VJ เคยจัดรายการทางช่อง MTV แล้วเขาก็ยังเป็นผู้ดำเนินรายการ หรือที่ภาษาอังกฤษเขาใช้กันว่า talk show host โดยรายการนี้มีชื่อว่า Last Call with Carson Daly ทางโทรทัศน์ช่อง NBC ด้วย

ตอนนี้นาย Carson ก็มาทำหน้าที่ DJ จัดรายการวิทยุตอนเช้า ๆ ประมาณ 6 โมงถึง 10 โมงเช้า ที่สถานีวิทยุ AMP Radio นี้ ช่วงนี้ทางรายการก็มีการเล่นเกมส์ตอบคำถามชิงรางวัล ให้นักฟังเพลงโทรเข้ามาตอบกัน จริงบ้าง เล่นบ้าง ถ้าใครตอบคำถามถูก ก็จะได้รับรางวัลเป็น iPod Nano ที่ได้รับการจารึกลายเซ็น (autographed) จากนักร้องที่ชื่อ Ke$ha ด้วย (เอ้าเอารูปประกอบไป) คนที่ร้องในอัลบั้มของ Flo Rida ในเพลง Right Round อ่ะ แล้วตอนนี้ก็มีเพลงที่เพิ่งออกเมื่อปีที่แล้วที่ชื่อ Tik Tok ไง น้อง ๆ ได้ฟังกันหรือยัง (ครูฟังจนเบื่อกับทางสถานีวิทยุที่นี่แล้ว ก็เล่นเปิดกันซะ)


กลับมาเข้าเรื่องต่อ คือคำถามที่ครูฟังวันนั้น ถามว่า When was the first iPod released? How many gigs does it have? Gigs ก็คือ กิ๊กกะไบต์ หรือ gigabytes (GB) ที่เป็นหน่วยการวัดแปลว่า พันล้านไบต์ หรือ สิบยกกำลังเก้า นั่นเอง

มาแปลคำถามกันก่อนสำหรับน้อง ๆ บางคนที่อาจจะยังงง ๆ กันอยู่ คำถามก็คือ iPod ตัวแรกที่ออกมาตีตลาดนั้น ออกมาเมื่อปีอะไร และมีขนาดความจุเท่าไร กี่ GB? น้อง ๆ รู้คำตอบหรือเปล่าครับ คำตอบก็คือปี 2001 กับ 5 GB ไง ใครตอบถูกบ้าง ตอบถูกเอารางวัล Ke$ha autographed iPod Nano ไปเลย (แต่ไปเอารางวัลกับคุณ Carson Daly นะ ครูไม่มีอ่ะ)

เท่าที่อ่านมายังไม่มีอะไรสะดุดหูใช่มะ ก็ครูยังไม่ได้เล่าเลย เรื่องที่สะดุดหูก็คือ มีผู้ฟังคนหนึ่งโทรเข้ามาตอบว่า 500 เม็กใช่ไหมคะ (เมกกะไบต์ ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กกว่า กิ๊กกะไบต์) คุณ Carson ก็บอกว่า ยังไม่ใช่ เอ้าลองทายอีกที คุณผู้ฟังก็ตอบว่า งั้นก็หนึ่งเมกก็แล้วกัน คุณ Carson ก็บอกไปว่า ยังไม่ใช่ เอางี้ละกัน ให้คุณผู้ฟังคนอื่นตอบบ้าง แล้วก็ใบ้ให้ด้วยนะว่า ความจุน่ะ “มากกว่าหนึ่งกิ๊กนะจ๊ะ” โดยคุณ Carson เขาพูดว่า “more bigger than one gigabyte” ครับ

ครูฟังตรงนี้แล้วก็สะดุดนิดหนึ่งอ่ะนะ เพราะว่าอะไร คือจริง ๆ แล้ว การใช้ขั้นกว่าของคำคุณศัพท์ (superlative adjectives) เนี่ย ตามหลัก grammar หรือหลักไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ เราใช้ -er หรือเติม more อย่างเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องใส่ทั้งสองอย่าง และจริง ๆ ถ้าคำคุณศัพท์สั้น ๆ อย่าง big ก็จะใช้ bigger เลย ว่ากันตามกฏตรง ๆ แล้วก็จะไม่มี more big หากจะใช้ more ก็จะใช้กับคุณศัพท์ที่โดยมากมีสามพยางค์ขึ้นไป เช่น beautiful แปลว่า สวย พอ สวยกว่า ก็จะใช้ว่า more beautiful เป็นต้น

แต่ประเด็นที่ครูอยากจะชี้ให้น้อง ๆ เห็น จริง ๆ ไม่ได้อยู่ที่ Carson Daly จะใช้ superlative adjective ผิด ๆ แต่อยู่ตรงที่ ครูอยากให้น้อง ๆ ที่อยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง ๆ มีความกล้า มีความเชื่อมั่นในตัวเอง คือเด็กไทยหลายคนค่อนข้างจะเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยกล้า กลัวว่าจะพูดผิดพูดถูก หรือพูดแล้วคนอื่นหรือเจ้าของภาษาจะฟังไม่รู้เรื่อง (ประเด็นนี้เดี๋ยวคราวหน้า ครูจะมาเล่าต่อ อีแมวเตือนกันมาได้นะครับ)

แต่ที่ครูเกริ่นมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า ขนาดเจ้าของภาษา เติบโตมากับภาษาอังกฤษ หนำซ้ำ ยังมีอาชีพเป็นพิธีกร หรือ DJ/VJ อีก ยังพูดผิดไวยากรณ์แบบนี้ (ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม) เราซึ่งไม่ใช่เจ้าของภาษา แต่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองหรือภาษาที่สามสำหรับน้อง ๆ บางคน ก็ไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกเขินอายถ้าเราจะพูดผิดบ้าง เชื่อครู เราพูดผิดบ้าง ถูกบ้าง ถือว่าผิดเป็นครูครับ คราวหน้าเราจะได้จำได้และไม่พูดผิดแบบนั้นอีก ซึ่งถ้าเราบอกตัวเองบ่อย ๆ ว่า ถ้าผิดเราก็แก้ได้ แต่อย่าไปหยุดพูด อย่าไปอายแบบไม่กล้าพูดอีกแล้ว ครูเชื่อว่า สักวัน เมื่อน้อง ๆ ขยัน หัดพูดบ่อย ๆ (พูดถึงตรงนี้ ครูก็นึกถึง ชมรมภาษาอังกฤษตอนที่ครูเป็นนิสิตขึ้นมา เอาไว้คราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังนะจ๊ะ) วันที่น้อง ๆ จะใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องจะต้องมาถึงแน่

เป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ครับ

ครู